สำหรับมือใหม่ที่กำลังจะเข้าสู่วงการเสื้อวินเทจ อาจจะสงสัยว่าทำไมเสื้อวินเทจบางตัวมีราคาหลักร้อย หลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่น ซึ่งในการเลือกซื้อเสื้อผ้าวินเทจ ต้องเข้าใจก่อนว่าเสื้อวินเทจจริง ๆ คืออะไร ซึ่งเสื้อผ้าวินเทจ คือ เสื้อที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป นั่นคือในปี 2020 นี้ เสื้อที่ผลิตตั้งแต่ปี 2000 ย้อนหลังขึ้นไปจะถูกเรียกว่าวินเทจทั้งหมด ซี่งในวันนี้เราก็มีข้อแนะนำวิธีเลือกซื้อเสื้อผ้าวินเทจสักตัว ว่าควรดูอะไรบ้าง เพื่อให้มือใหม่ได้เสื้อวินเทจ ที่เป็นเสื้อวินเทจจริง ๆ ไปครบครอง
แนะนำวิธีเลือกเสื้อวินเทจ ที่ถูกต้อง
1. ป้ายคอเสื้อ (TAG)
การดูป้ายคอเสื้อก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากเสื้อผ้าทุกตัวจะมีป้ายติดอยู่ และเสื้อแบรนด์ต่าง ๆ มักจะมีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ของป้ายเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง จำทำให้คุณสามารถใช้ลักษณะที่ต่างกันไปของป้ายในแต่ละยุคนี้เป็นตัวบ่งชี้คร่าว ๆ ว่าเสื้อตัวนั้นผลิตขึ้นในยุคไหน
2. ตะเข็บเสื้อ
สำหรับเซียนเสื้อวินเทจในการเลือกเสื้อยืดสักตัวมาสวมใส่ การดูตะเข็บเดี่ยว หรือ single stitch เป็นสื่งที่แสดงความเป็นวินเทจแบบเด่นชัดที่สุด ซึ่งตะเข็บเดี่ยว หรือ single stitch คือ การที่แนวตะเข็บบริเวณชายเสื้อ และแขนเสื้อจะใช้การเย็บโดยใช้ด้ายเส้นเดี่ยว ซึ่งเสื้อในยุคทศวรรศที่ 60-70 มักจะเย็บด้วยตะเข็บแบบนี้ แต่ทั้งนี้เสื้อวินเทจที่มีมูลค่าบางตัวอาจมีตะเข็บคู่ และเสื้อตะเข็บเดี่ยวบางตัวอาจไม่ใช่เสื้อวินเทจ ดังนั้น การพิจารณาความเป็นวินเทจของเสื้อจึงต้องใช้องค์ประกอบอื่นด้วย
3. ความบางของผ้า
เสื้อวินเทจที่มีผ้าบางนุ่ม จะได้รับความนิยมสูงมาก ซึ่งจะเรียกกันว่า ผ้า50/ผ้า100/ผ้าบาง โดยเสื้อวินเทจที่ให้ผ้าบางนุ่มนั้นจะเป็นเสื้อทอผสมระหว่างคอตตอน 50% กับผ้าโพลีเอสเตอร์ 50% นี่เป็นที่มาของคำว่าผ้า 100 ที่หมายถึงคอตตอต 100% และผ้า 50 ที่หมายถึงผ้าทอผสมคอตตอนกับโพลีเอสเตอร์อย่างละ 50% ซึ่งผ้าผสมแบบนี้พอผ่านการใช้งานไปนาน ๆ ส่วนของโพลีเอสเตอร์จะสลายไปเหลือแต่คอตตอนทำให้ผ้าบางลง จึงทำให้ผ้าเหล่านี้เป็นที่ต้องการสูงในตลาดซื้อขาย
4. ลายสกรีน
ลายสกรีนบนเสื้อ เป็นสิ่งที่ใช้สะท้อนภาพของยุคสมัยหรือเทรนด์ในขณะนั้นได้ ซึ่งลายสกรีนที่ได้รับความนิยมในตลาดวินเทจนั้นมีหลากหลายตั้งแต่ วงดนตรีร็อค ภาพยนตร์ การ์ตูน มอเตอร์ไซค์ ธรรมชาติ สัตว์ป่า โลโก้สินค้าแบรนด์ต่าง ๆ ตามความชื่นชอบของแต่ละคน นอกจากนี้ลายสกรีน ยังทำให้เสื้อวินเทจบางตัวมีมูลค่าแตกต่างจากตัวอื่น ๆ อีกด้วย
5. ของแท้ หรือ ของปลอม
เสื้อผ้าวินเทจของแท้มีราคาสูงจะมีของปลอมตามมาเสมอ ซึ่งการซื้อร้านที่เชื่อถือได้เป็นตัวช่วยอย่างนึงที่จะช่วยให้มือใหม่ได้เสื้อผ้าวินเทจของแท้มาครอบครอง แต่การแยกของแท้ ของปลอมด้วยตัวเองก็ต้องอาศัยประสบการณ์ และการเรียนรู้ ดังนั้น เราจึงมีคำศัพท์เกี่ยวกับเสื้อแท้เสื้อปลอมมาแนะนำให้รู้จัก
- เสื้อทัวร์ และการตอกปี เสื้อทัวร์มีที่มาจากวงดนตรีที่ออกตระเวนแสดงคอนเสิร์ตแล้วทำเสื้อออกขายหน้างานคอนเสิร์ตโดยมีตารางทัวร์อยู่ด้านหลัง เสื้อวงหรือเสื้อทัวร์ที่เป็นสินค้าลิขสิทธ์แท้จะมีสัญญลักษณ์ copy right เป็นรูปตัวอักษร c ในวงกลมพร้อมกับปีที่ได้ลิขสิทธ์หรือปีที่ผลิตเสื้อ ทั้งนี้ของแท้บางตัวก็ยังไม่มีตอกปี การพิจารณาความแท้ไม่แท้จึงยังต้องดูถึงเนื้อผ้า คุณภาพในการสกรีนและอื่น ๆ
- Bootleg เป็นเสื้อที่ผลิตโดยไม่ได้รับลิขสิทธ์ถูกต้อง จะเรียกว่าของปลอมก็ได้ แต่ในวงการวินเทจ เสื้อปลอมหรือ bootleg บางตัวกลับมีราคาสูงไม่ต่างจากงานลิขสิทธ์ เช่น เสื้อที่แฟนคลับศิลปินต่าง ๆ ทำเสื้อมาขายหน้างานคอนเสิร์ต ซึ่งหากมันมีดีไซน์ที่สวยแปลกไปจากเสื้อแบบออฟฟิเชียล พอเวลาผ่านไปหลายปีด้วยความแปลก และหายากก็ทำให้มันเป็นที่ต้องการของตลาดขึ้นมา
- งานปาด เป็นของปลอมที่ใช้เสื้อเปล่าที่ไม่มีลายสกรีนที่ผลิตในอเมริกา แล้วเอามาสกรีนลายวงดนตรีลงไปทีหลังโดยไม่ได้ขอลิขสิทธ์ ซึ่งส่วนใหญ่เสื้อที่นำมาสกรีนมักไม่ใช่เสื้อวินเทจปีลึก ๆ แต่เป็นเสื้อรุ่นใหม่ ๆ หรือหลังยุค 2000 เหตุผลก็เพราะเสื้อที่นำมาสกรีนต้องอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างใหม่เพื่อที่เวลานำมาสกรีนจะได้ไม่มีความแตกต่างระหว่างความเก่าของเสื้อกับความใหม่ของลายสกรีนมากเกินไปจนดูออกว่าเป็นของปลอม
ทั้งนี้เสื้อวินเทจ ถึงแม้จะเป็นเสื้อวินเทจเหมือนกันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะได้รับความนิยมหรือเป็นที่ต้องการของตลาดเท่า ๆ กัน โดยปกติแล้วเสื้อที่ผลิตโดยแบรนด์ในประเทศสหรัฐอเมริกาหรือที่เรียกกันสั้นๆว่าเสื้อ US จะเป็นเสื้อที่รับความนิยมมากกว่าเสื้อที่ผลิตในประเทศอื่น
เป็นยังไงบ้างคะกับวิธีการเลือกซื้อเสื้อวินเทจดี ๆ ของแท้มาครอบครองสักตัวสำหรับมือใหม่ ต้องบอกเลยว่าการเลือกซื้อก็็ต้องมีความละเอียดในการตรวจสอบจุดสำคัญต่าง ๆ ของเสื้อผ้าวินเทจด้วย ทั้งนี้เสื้อวินเทจนั้นก็มีความหลากหลายทั้งราคา และลวดลายบนเสื้อ บางคนอาจเลือกใส่ตามความนิยมในตลาด บางคนใส่ตัวที่แพง ๆ หายาก ๆ แต่บางคนเลือกลวดลายตามสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ ไม่ว่าคุณจะเลือกใส่แบบไหนก็ควรมีพื้นฐานอยู่บนกำลังทรัพย์ในกระเป๋าของตัวเอง และไม่ไปเหยียดรสนิยมความชื่นชอบของผู้อื่นด้วยนะคะ