คุ้นไหมกับคำว่า “ไม่มีเวลา” คำพูดสั้นๆ เพียงไม่กี่พยางค์ที่เราต่างก็ได้ยินกันเป็นประจำทั้งจากคนอื่นและจากตัวเราเอง หลายครั้งที่เรารู้สึกว่าชีวิตในแต่ละวันดูจะยุ่งเหยิงซะเหลือเกิน ตั้งแต่เช้าจรดเย็นก็มีภาระหน้าที่ให้ต้องจัดการ ตกกลางคืนก็ต้องรีบหาเวลาพักผ่อน ซ้ำร้ายบางคนก็มีเวลาพักผ่อนน้อยไปอีก หรือบางคนก็เอาเวลาพักผ่อนไปไว้ตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนก็ทำธุระหน้าที่ของตัวเองไป จะอย่างไรทุกคนก็มีเวลา 24 ชั่วโมงต่อวันเท่ากัน แต่เคยสังเกตไหมว่า ทำไมบางคนดูมีเวลาเหลือเยอะ ในขณะที่บางคนดูจะไม่มีเวลาทำอะไรเลย ความต่างมันอยู่ที่ “การจัดการกับเวลา” นั่นเอง

แล้วจะจัดการกับเวลายังไงให้พอดีกับชีวิตล่ะ? คำตอบของคำถามนี้ก็ไม่มีอะไรมากและไม่ได้ยากอะไรเลย เพียงแค่เราต้องรู้จักแบ่งเวลาในแต่ละวันให้เป็น เท่านี้ก็มีเวลาเหลือพอสำหรับทำอย่างอื่นแล้ว แต่จะแบ่งเวลายังไงตามมาดูกันเลย

1. ตื่นแต่เช้า

เริ่มต้นวันด้วยการตื่นแต่เช้า ไม่ต้องรอให้พระอาทิตย์ขึ้นกลางหัว ไม่ต้องรอให้แดดออก ไม่ต้องรออะไรทั้งนั้น ช่วงเวลาที่ฟ้าเริ่มสว่างนี่แหละคือเวลาแห่งการเริ่มต้นที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะกับวัยทำงาน วัยเรียน หรือวัยไหนๆ การตื่นแต่เช้าทำให้เรามีเวลาเหลือทั้งวันให้ทำอย่างอื่นได้อีกเยอะแยะแน่นอน แถมการตื่นเช้ายังดีทั้งกับสุขภาพกายและสุขภาพใจ เพราะการที่ได้ตื่นมาเห็นบรรยากาศสดชื่นยามเช้าจะช่วยให้มีพลังและมีกำลังใจในการเริ่มต้นทำสิ่งต่างๆ ดีกว่าการตื่นสายเป็นไหนๆ

2. วางแผนและจัดเวลาให้พอดี

การจะจัดสรรเวลาที่ดีจำเป็นต้องมีการวางแผนและการจัดเวลาให้พอดีเพื่อที่จะได้ทำสิ่งต่างๆ ให้ครบตามที่ตั้งใจไว้ โดยการวางแผนและการจัดเวลาของแต่ละคนก็มีวิธีที่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจใช้วิธีจดบันทึกรายการสิ่งที่ต้องทำลงในสมุดหรือกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ แล้วเขียนเวลาที่จะต้องทำหรือเวลาที่ต้องเสร็จกำกับไว้ บางคนก็เลือกใช้วิธีทำเป็นตารางเพื่อให้ดูง่ายและเป็นระเบียบมากขึ้น

3. จัดลำดับความสำคัญ

เมื่อเราได้วางแผนและจัดเวลาในการทำสิ่งต่างๆ ครบทั้งหมดแล้ว ก็ไม่ควรที่จะลืมจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่จะทำด้วย โดยเรียงจากสำคัญมากที่สุดไปจนถึงสำคัญน้อยที่สุด เพราะอะไรที่สำคัญมากอาจต้องใช้เวลาในการทำมากเช่นกัน ส่วนอะไรที่สำคัญน้อยลงมาก็เก็บไว้ทำทีหลัง วิธีนี้จะช่วยให้เราจัดการกับงานสำคัญได้ทันเวลา ไม่ต้องมัวมากังวลว่าจะทำไม่เสร็จและต้องมาเร่งมือเอาตอนท้าย นอกจากจะทำให้งานสำคัญนั้นออกมาไม่ดีแล้ว ยังทำให้เสียเวลาทำอย่างอื่นไปแบบน่าเสียดาย

4. แยกแยะเวลาส่วนตัวกับเวลางานให้เป็น

สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการรู้จักแยกแยะเวลาส่วนตัวกับเวลางานให้เป็น ข้อนี้สำคัญทั้งกับวัยเรียนและวัยทำงาน สำหรับวัยเรียน เมื่อถึงเวลาเรียนก็ควรทุ่มเวลาและสมาธิทั้งหมดให้กับการเรียนอย่างเต็มที่ และในวัยทำงานก็เช่นกัน ไม่ควรเอาเวลางานไปทำอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน เช่น เล่นโซเชียล หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ควรรอให้งานเสร็จก่อนหรือรอจนถึงช่วงพัก และเมื่อถึงเวลากลับบ้าน ก็ควรใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ไม่ควรเอางานกลับไปทำที่บ้านหากไม่จำเป็น

5. พยายามจัดการทุกอย่างให้เสร็จภายในเวลาที่จัดไว้

หากต้องการทำทุกอย่างที่ตั้งใจไว้ให้ครบตามเวลาที่กำหนด เราไม่ควรทำแบบครึ่งๆ กลางๆ ควรทำให้เสร็จทันทีภายในเวลาที่เรากำหนดไว้ตั้งแต่แรก เพราะหากผละไปทำอย่างอื่นทั้งที่ของเดิมยังไม่เรียบร้อยดีจะทำให้เวลาที่จัดไว้คลาดเคลื่อน มีผลกระทบไปถึงรายการสิ่งที่จะต้องทำอื่นๆ ที่ได้วางแผนไว้ในตอนแรก และอาจทำให้ลามไปถึงสิ่งที่จะทำในวันถัดไป สุดท้ายแล้วก็จะไม่มีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่นทั้งที่จัดไว้ดีแล้ว น่าเสียดายมากๆ

6. ให้เวลากับการพักผ่อน

ข้อสุดท้ายที่สำคัญมากที่สุดและจะขาดไม่ได้เด็ดขาดเลยก็คือการพักผ่อนนั่นเอง ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าการพักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญ คนเราใช้ชีวิตทำนั่นทำนี่มาทั้งวัน ใช้แรงกายแรงสมองมาเยอะ ควรหาเวลาพักผ่อนให้ตัวเองบ้าง การพักผ่อนในที่นี้หมายรวมทั้งการนอนหลับ และการทำงานอดิเรก หรือทำในสิ่งที่ชอบ เพราะนอกจากจะนอนหลับเพื่อพักกายแล้ว ยังต้องไม่ลืมที่จะทำสิ่งที่ชอบเพื่อเป็นการพักใจด้วย

ที่มา : freepik.com

หมอนอิง เสื้อยืด เสื้อโปโล เสื้อโปโลชาย